Wiki สำหรับระบบอากาศอัด เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม 2019 ทฤษฎีพื้นฐาน เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม 2018 วิธีการ 2017
คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมนั้น มีอยู่มากมายหลายประเภท เราจึงต้องเลือกใช้ประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจากครั้งก่อนเราเคยพูดถึงวิธีการเลือกคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมไปแล้ว ในหัวข้อ คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมนั้น มีอยู่มากมายหลายประเภท เราจึงต้องเลือกใช้ประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจากครั้งก่อนเราเคยพูดถึงวิธีการเลือกคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมไปแล้ว ในหัวข้อ คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมนั้น มีอยู่มากมายหลายประเภท เราจึงต้องเลือกใช้ประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจากครั้งก่อนเราเคยพูดถึงวิธีการเลือกคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมไปแล้ว ในหัวข้อ คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมนั้น มีอยู่มากมายหลายประเภท เราจึงต้องเลือกใช้ประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจากครั้งก่อนเราเคยพูดถึงวิธีการเลือกคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมไปแล้ว ในหัวข้อ “เลือกคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลม (Air Compressor) อย่างไร ให้ตอบสนองความต้องการของคุณได้ดีที่สุด” แต่นั่นเป็นเพียงรายละเอียดส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเลือกใช้คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเท่านั้น ในครั้งนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดสำคัญอีกหนึ่งหัวข้อที่ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ “ขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลม” โดยการเลือกขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลม ให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับ
1. แรงดันลม (Pressure)
2. อัตราการไหลของลม (Air flow)
สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยชนิดโรตารี่สกรู จะให้อัตราการไหลของลมต่อกิโลวัตต์ (kW) หรือ แรงม้า(HP) ที่มากกว่า สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยชนิดโรตารี่สกรู จะให้อัตราการไหลของลมต่อกิโลวัตต์ (kW) หรือ แรงม้า(HP) ที่มากกว่า สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยชนิดโรตารี่สกรู จะให้อัตราการไหลของลมต่อกิโลวัตต์ (kW) หรือ แรงม้า(HP) ที่มากกว่า สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยชนิดโรตารี่สกรู จะให้อัตราการไหลของลมต่อกิโลวัตต์ (kW) หรือ แรงม้า(HP) ที่มากกว่า สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยชนิดโรตารี่สกรู จะให้อัตราการไหลของลมต่อกิโลวัตต์ (kW) หรือ แรงม้า(HP) ที่มากกว่า สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่สามารถจ่ายลมได้เพียงพอต่อการใช้งาน อย่าลืมนึกถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ อัตราไหลของลม (CFM) และแรงดัน (PSI) ที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีหนึ่งที่สามารถบอกอัตราการไหลของลมที่ต้องการให้กับคุณได้ คือ การติดต่อผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่คุณจะใช้งาน และขอ data sheet เพื่อศึกษาข้อมูลที่ต้องการทราบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการ ”ตรวจสอบระบบอากาศอัด” เพื่อวัดอัตราการไหลของลมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีการดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับอีกเล็กน้อยมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “อัตราการไหลของลม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมด้วย โดยชนิดโรตารี่สกรู จะให้อัตราการไหลของลมต่อกิโลวัตต์ (kW) หรือ แรงม้า(HP) ที่มากกว่า ชนิดลูกสูบ
จากบทความนี้สามารถสรุปได้ว่า แรงดันลม (PSI) ที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับลักณะงานที่คุณนำไปใช้ ส่วนอัตราการไหลของลม (CFM) จะขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน หรือมีงานกี่อย่างที่ต้องทำในเวลาเดียวกัน เมื่อเราทราบถึงปัจจัยสำคัญทั้ง 2 อย่างนี้แล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คือการเลือกขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลม ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะหากเลือกใช้คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่มีขนาดเล็กไป จะทำให้เกิดแรงดันตก (pressure drop) และไม่สามารถทำงานได้เสร็จทันเวลา หรือ หากคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมมีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะทำให้กลไกการทำงานมีปัญหา คุณสามารถใช้สูตรคำนวนตามตารางด้านล่างนี้ เพื่อหาขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ หรือ ปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของเราได้จากบทความนี้สามารถสรุปได้ว่า แรงดันลม (PSI) ที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับลักณะงานที่คุณนำไปใช้ ส่วนอัตราการไหลของลม (CFM) จะขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน หรือมีงานกี่อย่างที่ต้องทำในเวลาเดียวกัน เมื่อเราทราบถึงปัจจัยสำคัญทั้ง 2 อย่างนี้แล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คือการเลือกขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลม ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะหากเลือกใช้คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่มีขนาดเล็กไป จะทำให้เกิดแรงดันตก (pressure drop) และไม่สามารถทำงานได้เสร็จทันเวลา หรือ หากคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมมีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะทำให้กลไกการทำงานมีปัญหา คุณสามารถใช้สูตรคำนวนตามตารางด้านล่างนี้ เพื่อหาขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ หรือ ปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของเราได้จากบทความนี้สามารถสรุปได้ว่า แรงดันลม (PSI) ที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับลักณะงานที่คุณนำไปใช้ ส่วนอัตราการไหลของลม (CFM) จะขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน หรือมีงานกี่อย่างที่ต้องทำในเวลาเดียวกัน เมื่อเราทราบถึงปัจจัยสำคัญทั้ง 2 อย่างนี้แล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คือการเลือกขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลม ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะหากเลือกใช้คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่มีขนาดเล็กไป จะทำให้เกิดแรงดันตก (pressure drop) และไม่สามารถทำงานได้เสร็จทันเวลา หรือ หากคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมมีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะทำให้กลไกการทำงานมีปัญหา คุณสามารถใช้สูตรคำนวนตามตารางด้านล่างนี้ เพื่อหาขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ หรือ ปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของเราได้จากบทความนี้สามารถสรุปได้ว่า แรงดันลม (PSI) ที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับลักณะงานที่คุณนำไปใช้ ส่วนอัตราการไหลของลม (CFM) จะขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน หรือมีงานกี่อย่างที่ต้องทำในเวลาเดียวกัน เมื่อเราทราบถึงปัจจัยสำคัญทั้ง 2 อย่างนี้แล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คือการเลือกขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลม ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะหากเลือกใช้คอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่มีขนาดเล็กไป จะทำให้เกิดแรงดันตก (pressure drop) และไม่สามารถทำงานได้เสร็จทันเวลา หรือ หากคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมมีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะทำให้กลไกการทำงานมีปัญหา คุณสามารถใช้สูตรคำนวนตามตารางด้านล่างนี้ เพื่อหาขนาดของคอมเพรสเซอร์หรือปั๊มลมที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ หรือ ปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่ค่ะ